ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะปรับปรุงพื้นห้องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด ออฟฟิศ หรือร้านค้า สิ่งแรกที่หลายคนชอบคือ “กระเบื้องยาง” เพราะราคาดี ดูแลง่าย และทำให้บรรยากาศห้องดูอบอุ่นขึ้นทันที แต่พอเริ่มหาข้อมูลจริง ๆ กลับเจอคำถามสำคัญที่ทำให้หลายคนลังเล
คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ:
“กระเบื้องยางแบบทากาว กับ ไม่ทากาว ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน?”
หากตัดสินใจผิดตั้งแต่แรก อาจต้องรื้อพื้นใหม่ทั้งห้อง เสียทั้งเวลาและเงิน บางเคสที่ผมเจอถึงขั้นต้องทิ้งกระเบื้องใหม่ทั้งชุดเพราะเลือกแบบไม่เหมาะกับลักษณะห้อง
บทความนี้จะอธิบายทุกความแตกต่างแบบ “ลงลึกตามหลักงานช่างจริง” ไม่ใช่แค่ข้อมูลทั่วไปแบบที่หาเจอในเว็บขายของ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่ากระเบื้องยางในไทยมี 2 ระบบหลักคือ
1. กระเบื้องยางแบบทากาว (Glue-down LVT/SPC/WPC)
เป็นกระเบื้องที่ต้องทากาวพิเศษบนพื้นก่อนวาง เหมาะกับงานที่ต้องการความแน่นหนา ไม่ขยับ ไม่โก่ง และใช้งานหนัก
เหมาะกับ:
- ออฟฟิศ
- ร้านค้า
- ทางเดิน
- ห้องที่ใช้งานหนัก
- พื้นที่เชิงพาณิชย์
2. กระเบื้องยางแบบไม่ทากาว (Click-lock / Loose Lay / Self-adhesive)
คือกระเบื้องที่ “ไม่ต้องทากาว” แต่ใช้ระบบล็อกหรือกาวในตัวแทน
เหมาะกับ
- ห้องนอน
- คอนโด
- ห้องที่ต้องการติดตั้งเร็ว
- งานชั่วคราว
- งาน Renovate แบบไม่อยากยุ่งกับพื้นเดิม
3. 10 ความแตกต่างแบบผู้เชี่ยวชาญ
1) ความแน่นหนาในการยึดเกาะ
- ทากาว: แน่นที่สุด ขยับยาก เหมาะกับงานหนัก
- ไม่ทากาว: แน่นดีแต่ยังมีโอกาสเด้งหรือมีเสียงดังเมื่อเวลาผ่านไป
ถ้าห้องมีการใช้งานต่อเนื่อง เช่น เดินเยอะ ย้ายเฟอร์นิเจอร์บ่อย → ทากาวชนะ
2) ความสวยงามของรอยต่อ
- ทากาว = แนบสนิท เรียบ ไม่มีเสียง
- ไม่ทากาว = บางรุ่นมีร่องล็อก ทำให้เห็นขอบเล็กน้อย
3) อายุการใช้งาน
- ทากาว: 8–15 ปี
- ไม่ทากาว: 5–10 ปี
(ขึ้นอยู่กับแบรนด์ ความหนา และพื้นเดิม)
4) ความทนต่อความชื้น
- ทากาว: ต้องให้พื้นแห้งสนิท ไม่งั้นกาวเสื่อม
- ไม่ทากาว: กันน้ำดีกว่าในหลายเคส เพราะไม่ต้องใช้กาว
แต่ถ้าพื้นมีความชื้นจากใต้น้ำ เช่น พื้นบ้านชั้นล่าง → ต้องใช้แผ่นรองพิเศษตามงานช่าง
5) ความเร็วในการติดตั้ง
- ทากาว: ช้าที่สุด ต้องรอกาวแห้ง
- ไม่ทากาว: ติดตั้งเร็วมาก 1 ห้องจบในไม่กี่ชั่วโมง
6) ความยืดหยุ่นในการรื้อถอน
- ทากาว: รื้อยาก ต้องใช้เวลา
- ไม่ทากาว: รื้อออกได้ง่าย โยกย้ายได้
เหมาะกับคนที่อาจต้องย้ายคอนโด ย้ายร้าน หรือเปลี่ยนฟอร์นิเจอร์บ่อย
7) ราคาวัสดุ + ค่าแรงติดตั้ง
โดยเฉลี่ย
- แบบทากาว = ถูกกว่า แต่งานติดตั้งแพงกว่า
- แบบไม่ทากาว = แผ่นแพงกว่า แต่ติดตั้งถูกหรือฟรี (บางเจ้า)
8) ความเหมาะสมกับพื้นเดิมที่ไม่เรียบ
- ทากาว: ต้องปรับพื้นละเอียดมาก
- ไม่ทากาว: ยอมรับสภาพพื้นได้มากกว่า แต่ยังต้องเรียบระดับหนึ่ง
9) การรองรับน้ำหนัก
- ทากาว: รองรับได้ดีกว่า ไม่เกิดการกดเป็นหลุม
- ไม่ทากาว: หากวางตู้ใบใหญ่ อาจเกิดร่องรอย
10) ความเสี่ยงในอนาคต
- ทากาว: เสี่ยงกาวเสื่อมถ้าพื้นชื้น
- ไม่ทากาว: เสี่ยงแผ่นคลายล็อกหากอุณหภูมิเปลี่ยนบ่อย
5. วิธีเลือกแบบที่เหมาะกับบ้าน/ห้องคุณ
1. ห้องนี้มีการเดินเยอะไหม?
เดินเยอะ = ทากาว
เดินน้อย = ไม่ทากาวได้
2. ห้องโดนความชื้นไหม?
ถ้าเป็นห้องครัวหรือโซนที่มีน้ำ → แบบไม่ทากาว (SPC Click) ปลอดภัยกว่า
3. มีเฟอร์นิเจอร์หนักไหม?
ถ้ามีตู้ใบใหญ่ โต๊ะไม้จริง → ทากาวดีที่สุด
4. ต้องการติดตั้งเร็วหรือไม่?
ต้องการติดตั้งด่วน → ไม่ทากาว
5. ต้องการย้ายบ้านในอนาคตไหม?
ถ้าใช่ → ไม่ทากาวเหมาะกว่า
มุมมองจากประสบการณ์ตรง
ในฐานะคนที่ทำงานด้านวัสดุปูพื้นและเห็นเคสปัญหามาเป็นร้อย ๆ ห้อง สิ่งที่ยืนยันได้คือ…
ไม่มีกระเบื้องยางแบบไหนดีที่สุด มีแต่ “แบบที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานของคุณที่สุด”
ถ้าห้องใช้งานหนัก → ทากาวดีที่สุด
ถ้าต้องการติดตั้งง่าย → ไม่ทากาวดีที่สุด
เลือกให้ถูกตั้งแต่แรก ปัญหาที่หลายคนเจอ เช่น เสียงดัง พื้นโก่ง หรือรื้อใหม่ จะไม่เกิดขึ้นเลย
ติดต่อเราได้เลยวันนี้! เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้ดูใหม่อย่างมืออาชีพ
จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้องยาง กระเบื้องปูพื้น SPC,แผ่นปูกระเบื้องยาง LVT กระเบื้องยางคลิ๊กล็อค บัว-ตัวจบ ครบองค์ประกอบเรื่องพื้น สวยงามคุณภาพสูง มาพร้อมลวดลายสีสันให้เลือก มากมาย มีความทนทาน กันน้ำ-กันปลวก แถมยัง ปลอดภัยยับยั้งแบคทีเรีย คุณภาพคุ้มราคา สนใจติดต่อ 062-645-8855
มีทีมงานบริการวัดพื้นที่
มีทีมช่างแนะนำพร้อมติดตั้ง
รับประกันสินค้า* และบริการ*
จัดส่งทั่วประเทศ
เรื่องพื้นๆไว้ใจ SMART BUILTS



